ทางรอดของใคร? เมื่อซีเอ็ดเรียกเก็บค่าส่งหนังสือจากสำนักพิมพ์
top of page

ทางรอดของใคร? เมื่อซีเอ็ดเรียกเก็บค่าส่งหนังสือจากสำนักพิมพ์


กระแสข่าวสองสามวันมานี้ในวงการหนังสือบ้านเราคงจะหนีไม่พ้น ข่าวของร้านหนังสือซีเอ็ดที่ร่อนจดหมายถึงสำนักพิมพ์ว่าจะขอเก็บค่าส่งสินค้า 1.4% จากราคาปก ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก

.

ซึ่งนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นการผลักภาระต้นทุนในสภาวะธุรกิจหนังสือซบเซามาให้ยังสำนักพิมพ์นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า มันหมายถึงการบังคับให้สำนักพิมพ์ต้องปรับราคาหนังสือขึ้น

คุณจรัญ หอมเทียนทอง ในฐานะของสำนักพิมพ์แสงดาวและนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายแห่งประเทศไทยยังออกมาพูดถึงว่า "...ปัจจุบันไม่เพิ่มราคา ยังขายไม่ค่อยได้เลย ผมว่าสังคมต้องรับรู้ว่า ใครทำให้หนังสือราคาแพง"

หากทุกคนยังจำได้ เมื่อหลายปีก่อน ซีเอ็ดก็ปรับค่าวางจำหน่ายหนังสือจาก 40% เป็น 45% และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเห็นได้ชัดเลยว่า ราคาหนังสือที่บางครั้งมันสูงนั้นมันไปตกอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ถึงแม้ว่าซีเอ็ดจะเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ (60% ขณะที่นายอินทร์มีเพียง 30% ร้านหนังสืออิสระ 10%) แต่ตอนนี้ร้านซีเอ็ดแทบจะกลายเป็นร้านกิ๊ฟช็อปโชว์ห่วยไปแล้วด้วยซ้ำ

ปองวุฒิ รุจิรชาคร นักเขียนไทยท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่า "พยายามมองอย่างยุติธรรมทุกด้าน ในมุมหนึ่งก็พอเข้าใจนะว่าซีเอ็ดก็คงเจอปัญหาต้นทุนและคนเข้าร้านลดลง เสียดายว่าเขาควรจะหาทางพูดคุยเจรจากับสำนักพิมพ์เพื่อหาทางออกร่วมกันมากกว่า ตัวจดหมายที่เขาส่งมามันแสดงให้เห็นถึงแนวคิดบังคับควบคุมไปเลย ซึ่งน่าจะทำให้ฉุดกันล่มจมไปหมด และไม่มีทางแก้ปัญหาได้"

 

สรุปแล้วนี่เป็นทางรอดของใครกันแน่?

ถึงแม้ว่าในตอนนี้ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยจะออกจดหมายถึงซีเอ็ดให้ระงับและพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกรอบแล้วก็ตาม ก็ไม่แน่ใจนักว่าซ๊เอ็ดจะถอยมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าพิจารณาการกระทำของซีเอ็ดในครั้งนี้แล้วก็เข้าใจได้ นั่นคือ การประสบภาวะด้านผลประกอบการจนจำเป็นต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายลง

ถึงกระนั้นสำนักพิมพ์หลากหลายแห่งก็เริ่มพิจารณาจากเรื่องนี้โดยการถามความเห็นของนักอ่านแล้วว่า "ถ้าไม่มีหนังสือวางขายในซีเอ็ดจะเป็นอะไรไหม" ถึงแม้ว่าซีเอ็ดจะเป็นขาใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองสูงก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ซีเอ็ดจะทำอะไรก็ได้ ร้านหนังสือก็จำเป็นต้องพึ่งสำนักพิมพ์ ถ้าไม่มีสำนักพิมพ์ แล้วร้านหนังสือจะเอาหนังสือที่ไหนมาขาย?

ในมุมส่วนตัวผมเองที่ดำรงทั้งฐานะคนทำหนังสือและร้านหนังสือ ยังไม่แน่ใจนักว่า เรื่องนี้จะมีจุดกึ่งกลางให้เจรจายังไงกันได้บ้าง

สำนักพิมพ์ นักเขียน คนทำหนังสือก็เปรียบเสมือนไม้ซีกบาง ๆ

ทว่า...ไม้ซีกรวมมัด งัดไม้ซุง

ปล.ทั้งนี้รายละเอียดของจดหมายจากซีเอ็ดถึงสำนักพิมพ์นั้น ในการเก็บค่าส่ง 1.4% จะมีผลบังคับใช้กับหนังสือที่ฝากขายเท่านั้น ส่วนสำนักพิมพ์ที่ให้ซีเอ็ดเป็นสายส่งจะไม่ถูกเก็บค่าส่งเพิ่มเติมครับ

bottom of page