ทำไมร้านหนังสืออิสระจึงเฟื่องฟู : มองร้านหนังสืออิสระในวอชิงตัน ดี.ซี.
top of page

ทำไมร้านหนังสืออิสระจึงเฟื่องฟู : มองร้านหนังสืออิสระในวอชิงตัน ดี.ซี.


ต้องยอมรับว่า ร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้เห็นจะเป็น Amazon ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านหนังสือออนไลน์และมีหน้าร้านเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น แต่กลับส่งออิทธิพลครอบคลุมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ดูเหมือนว่าจะยังมีพื้นที่ที่ Amazon ไม่สามารถเข้าไปแย่งชิงตลาดได้

        ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ มีร้านหนังสืออิสระขนาดเล็กเปิดมากถึง 5 ร้านด้วยกัน ได้แก่ Solid State Books ร้านหนังสือร้านใหม่บนถนน H Street NE หรือร้านหนังสืออิสระหน้าเก่าอย่าง Politics and Prose, Kramerbooks&afterwords และ Busboys and Poets ก็วางแผนจะขยายกิจการด้วยการทำร้านหนังสือเคลื่อนที่ ส่วนร้านสุดท้ายอย่าง Duende District ก็เพิ่งเปิดตัวร้านหนังสือแห่งใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

        การต้องต่อสู้กับร้านหนังสือออนไลน์หรือร้านเชนสโตร์ขนาดใหญ่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคขนาดยักษ์ แต่เมื่อมาวิเคราะห์ดูแล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ร้านหนังสืออิสระเหล่านี้ยังอยู่ได้ และประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ


ทำไมร้านหนังสืออิสระจึงประสบความสำเร็จ

1. การถดถอยของร้านหนังสือเชนสโตร์และ E-book

        เมื่อไม่นานมานี้ร้านหนังสือยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาอย่าง Borders และ Barnes&Noble ได้วางท่าทีคุกคามต่อร้านหนังสืออิสระเป็นอย่างมาก แต่ในวันนี้ร้านหนังสือเหล่านี้เริ่มปิดสาขาตามห้างสรรพสินค้าและในวอชิงตัน ดี.ซี.

         Borders ประกาศล้มละลายในปี 2011 ส่วน Barnes&Noble กำลังจะปิดสาขาใหญ่ที่ Bethesda Ave. ปลายปี 2017 นี้

        Laurie Gillman เจ้าของร้าน East City Bookshop ใน Capitol Hill กล่าวว่า "ปรากฏการณ์นี้ทำให้ร้านหนังสืออิสระมีแนวทางและความเป็นไปได้ที่มากขึ้น ผู้คนต่างเฝ้ารอที่จะไปสถานที่สำหรับการดูหนังสือ สัมผัสหนังสือ และพูดคุยเรื่องหนังสือกับผู้อื่น"

        ส่วน E-books ที่เคยมีคนคาดการณ์ว่าจะเข้ามาแย่งชิงตลาดหนังสือเล่มภายในห้าปีสิบปี กลับมียอดขายที่ตกลงต่อเนื่องในปี 2015-2016


2. ร้านหนังสือมีแนวคิดใหม่ ๆ มากขึ้น

         ยุคที่ร้านหนังสือเป็นร้านค้าประเภทหนึ่งได้จบลงไปแล้ว เพราะร้านหนังสืออิสระในปัจจุบันนี้มักจะมีรูปแบบการขายหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายเสมอ อาทิเช่น ร้าน Duende District 

         ร้าน Duende District เป็นร้านหนังสือที่ไม่มีที่อยู่ถาวร กล่าวคือ ร้านนี้จะย้ายพิกัดไปเรื่อย ๆ โดยล่าสุดเธอก็กำลังจะนำร้านไปตั้งที่งาน Artomatic (งานแสดงสื่อและศิลปะ) และ Columbia Heights Day (เทศกาลเฉลิมฉลองประจำฤดูในวอชิงตัน ดี.ซี.) และในปลายเดือนนี้มีแผนที่จะไปตั้งร้านที่ La Mano Coffee Bar ใน Takoma เป็นการเพิ่มสีสันให้กับร้านที่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบ หนังสือ และบรรยากาศในทุกที่ที่พวกเขาไปตั้ง

         หรือร้าน Busboys and Poopbook เป็นทั้งร้านอาหารและร้านหนังสือ หากลูกค้าคนใดสั่งอาหารจะได้รับหนังสือเสิร์ฟของของข้างเคียงด้วย


3. สำนักพิมพ์ x ร้านหนังสืออิสระ

         เป็นการติดต่อกันโดยตรงระหว่างสำนักพิมพ์ซึ่งเป็นผู้จัดพิมพ์หนังสือกับร้านหนังสืออิสระ ซึ่งสำนักพิมพ์มักจะให้ส่วนลดที่มากกว่าผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ ทำให้ราคาหนังสือถูกลง อีกทั้งการดำเนินการจัดส่งยังรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


4. ร้านหนังสือในท้องถิ่นทำอะไรที่มากกว่าการขายหนังสือ

        การซื้อหนังสือผ่านร้านค้าออนไลน์อย่าง Amazon อาจจะสะดวกก็จริง แก็ไม่อาจเทียบกับร้านหนังสือที่มีคนอยู่ได้ ตลอดทั้งร้านหนังสือยุคนี้ยังผันตัวดำเนินการจัดพื้นที่ทำกิจกรรต่าง ๆ ทั้งให้ความร่วมมือกันกับชุมชนที่อยู่อาศัย เพิ่มประสบการณ์การใช้งานร้านหนังสือมากขึ้น และเชื่อมโยงเข้ากับผู้คนได้เป็นอย่างมาก




         แต่ใช่ว่าเส้นทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะยังมีอุปสรรคที่ร้านหนังสืออิสระขนาดเล็กต้องเผชิญ ซึ่งได้แก่


1. ค่าเช่าเพิ่มขึ้นและค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มสูงขึ้น

         ค่าเช่าและค่าจ้างพนักงานแทบจะเป็น "รายจ่าย" ส่วนใหญ่ของร้านหนังสือ โดยเฉพาะร้านที่ตั้งอยู่ในเมือง (ในประเทศไทยก็ประสบภาวะเดียวกัน)

2. กำไรต่ำ

         เป็นที่รู้กันดีว่า เจ้าของร้านหนังสืออิสระเปิดร้านหนังสือไม่ได้หวังที่จะรวยอยู่แล้ว (เป็นเรื่องของ Passion ล้วนๆ) เพราะอัตรากำไรไม่ได้สูงมาก ร้านหนังสืออิสระในวอชิงตัน ดี.ซี. มีอัตรากำไรสุทธิเพียง 2.4% เท่านั้น เราจึงมักจะเห็นว่า ร้านหนังสือมักขายสินค้าประเภทอื่นที่มีกำไรมากร่วมด้วย นอกจากนี้ร้านก็ต้องอาศัยแผนธุรกิจที่ดีถึงจะอยู่รอดได้

3. Amazon, Amazon และ Amazon

         Amazon มักจะตั้งราคาหนังสือต่ำกว่าราคาร้านหนังสือทั่วไป ดังนั้นถ้าหากใครอยากได้หนังสือราคาถูกก็มักจะเลือกซื้อกับเว็บ Amazon เสมอ และยิ่ง Amazon เปิดหน้าร้านของตัวเองด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ดังนั้นเรื่องราคาจึงไม่ใช่สิ่งที่ร้านหนังสืออิสระจะไปแข่งขัน แต่จะเน้นให้คุณค่ากับสิ่งอื่นมากว่า เช่น การบริการ


ที่มา:

wamu.org/story/17/07/06/amazon-supposed-crushed-bookstores-indie-bookshops-booming-d-c/

en.wikipedia.org/wiki/Artomatic

bottom of page