ทำไมนิยายแฟนตาซีต้องมีแผนที่?
top of page

ทำไมนิยายแฟนตาซีต้องมีแผนที่?


นวนิยายแฟนตาซีหลายต่อหลายเรื่องมักจะสร้างโลกสร้างจักรวาลของตัวเองขึ้นมา อย่างที่เรามักจะคุ้นเคย อาทิเช่น A Songs Of Ice And Fire หรือ Games of Thrones ของ George R, R, Martin เป็นต้น ซึ่งนวนิยายพวกนี้มักจะมีภาพประกอบเป็นแผนที่มาให้ด้วย (ทวีปเวสเทอรอสที่เรารู้จักยังไงล่ะ) แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมนวนิยายแฟนตาซีมันต้องมีแผนที่มาเป็นประจำเลยนะ

ส่วนหนึ่งที่นิยายแฟนตาซีและวิทยาศาสตร์มักจะมีแผนที่ก็คือ เพื่อให้การจินตนาการและอ่านเรื่องเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น แต่นักอ่านบางกลุ่มกลับไม่นักด้วยเหตุผลที่ว่ามันจำกัดจินตนาการ และภาพที่สร้างขึ้นในหัวไม่สามารถแปลกแตกต่างไปจากเดิมได้เลยแม้แต่น้อย

ลองมองย้อนกลับไปดูนิยายแฟตาซีคลาสสิก 2 เรื่องของโลกอย่าง "The Chronicles of Narnia" ของ C.S. Lewis และ "The Lord Of The Rings" ของ J.R.R. Tolkien ซึ่งนับว่าเป็นต้นแบบของ นักเขีpoนิยายแฟนตาซีเกือบทุกคนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

แต่ทว่านิยายบางเรื่องก็วาดแผนที่ขึ้นมาอย่าง "ไร้" ประโยชน์

นิยายเรื่อง "The Name of the Wind" ของ Patrick Rothfuss มีแผนที่ที่แสดงถึงที่ตั้งของอารยธรรมทั้งสี่ในเรื่อง นักอ่านที่ชื่อว่า Clay Andres ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เขาแทบไม่ต้องดูแผนที่เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังสือเลย เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ของนิยายเกิดขึ้นในสถานที่เพียงสองแห่งเท่านั้น คือ เมืองแห่งอาณาจักร Tarbean และมหาวิทยาลัย ส่วนที่เหลือของแผนที่ผู้เขียนแทบไม่ได้แตะ ด้วยเหตุนี้การมีแผนที่ของนิยายเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งฟุ้มเฟือย

แผนที่เรื่อง The Name of the Wind

ในขณะที่เรื่อง The Lord Of The Rings แผนที่กลับเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการอ่าน ระหว่างติดตามการผจญภัยของโฟรโด แบ็กกินส์ การเดินทางข้ามเทือกเขา Misty หรือเหมืองแร่ Moria ซึ่งทำให้เรามองเห็นว่าตัวละครแต่ละตัวมากจากที่ใด กำลังอยู่ที่ไหน และเดินทางมาพบกันได้เช่นไร (เพราะการเล่าเรื่องมีหลายมุมมอง)

หรือใน The Return of the King ที่ เดเนธอร์ที่ 2 ยอมสละเมือง Osgiliath เพื่อปกป้อง Gondor จากกองทัพของ Mordor ในฉากนี้เราสามารถดูแผนที่ประกอบเพื่อทำความเข้าใจในสมรภูมิของสงครามและเข้าใจเหตุผลในการตัดสินใจของตัวละคร

แผนที่เรื่อง The Lord Of The Rings

 

นิยายคลาสสิกเรื่องอื่น ๆ เช่น มหัศจรรย์พ่อมดแห่งออซ (The Wonderful Wizard of Oz), เกาะมหาสมบัติ (Treasure Island) หรือ การเดินทางของกัลลิเวอร์ (Gulliver's Travels) หนังสือทั้งหมดนี้ต่างก็มีแผนที่กันทั้งสิ้น แต่ทว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้ภูมิศาสตร์ของเรื่องโดยละเอียดเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่อง เช่น คุณเพียงแค่ต้องรู้ว่าถนนอิฐสีเหลืองจะทอดนำไปสู่ออซ, เบน กันน์ (Ben Gunn) ได้ย้ายกัปตันฟลินต์ให้ไปอยู่ส่วนอื่นของเกาะ และเกาะ Lilliput ไม่ได้อยู่ในประเทศอังกฤษ

แม้ว่าแผนที่ในนิยายหลาย ๆ เรื่องจะดูไร้ประโยชน์ และไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่นัก แต่ใช่ว่าหนังสือไม่ควรมีแผนที่เสมอไป เพราะเอาเข้าจริงแล้ว "แผนที่" ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการอ่าน เสริมสร้างแรงจูงใจ และช่วยลดความซับซ้อนของเรื่องลงด้วย

ยกตัวอย่างสุดคลาสสิกอีกหนึ่ง คือ A Songs Of Ice And Fire ของ George R, R, Martin

"A Songs Of Ice And Fire" ประกอบด้วยเจ็ดอาณาจักร แต่อย่างที่เรารู้ก็คือ ยังมีอาณาจักรอีกมากมายอยู่ทั่วทวีปเวสเทอรอส และทวีปอื่น รวมถึงดินแดนนอกเหนือกำแพง เนื่องจากเรื่องราวของเรื่องนี้ ตัวละครหลากหลายตัวนั้นมีเรื่องราวการผจญภัยที่กระจายออกไปในแต่ละพื้นที่ เช่น "แดแนรีส ทาร์แกเรียน" ที่อยู่ทวีปเอสซอส ความวุ่นวายบนทวีปเวสเทอรอส หรือจอห์น สโนว์ที่ต่อสู่อยู่แดนเหนือ

แผนที่เรื่อง A Songs Of Ice And Fire

แม้ว่าการทำความเข้าใจด้านภูมิศาสตร์จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินเรื่องก็จริง แต่แผนที่นี้ทำให้เรารู้ว่า ตัวละครแต่ละตัวอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ และกำลังไปที่ไหน (เพราะมีเยอะและซับซ้อนมาก แผนที่จึงเป็นตัวช่วยพอสมควร)

 

ยกตัวอย่างใกล้เข้ามาหน่อย นิยายแฟนตาซีไทยอย่าง "หัวขโมยแห่งบารามอส" ก็มีแผนที่

แผนที่ในหัวขโมยแห่งบารามอสอาจจะไม่ใช่แผนที่ที่ละเอียดนัก เพราะแสดงเพียงที่ตั้งของประเทศแต่ละแห่งเพียงเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดเลยว่า มันช่วยเพิ่มอรรถรสในการอ่าน นั่นก็คือ เด็กนักเรียนที่มาจากหลากหลายประเทศ ต่างก็มีอุปนิสัยแตกต่างกันไป ทำให้เรามองออกว่าประเทศไหนมีลักษณะเป็นไร ประเทศไหนเป็นมหาอำนาจ หรือใน "เล่มสี่" ที่มีสงครามกับเดมอส เราก็พอจะมองภาพรวมของเรื่องออก

แผนที่เรื่อง หัวขโมยแห่งบารามอส

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนักเขียนในยุคปัจจุบันหลายคน ต่างก็อยากสร้างแผนที่ในโลกนิยายของตัวเองกันนัก

ข้อมูลที่มา:

- http://bookriot.com/2017/06/23/does-every-fantasy-novel-need-to-have-a-map-in-it/

- https://en.wikipedia.org/wiki/Treasure_Island

- https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

bottom of page