"A Monster Calls" หรือในชื่อภาษาไทยที่เรียกว่า ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน เป็นนวนิยายเล่มแรกที่ได้รับรางวัล Carnegie Medal และรางวัล Kate Greenaway Medal ในเรื่องเดียวกัน จุดกำเนิดของนวนิยายเรื่องนี้มาจากแนวความคิดของ Siobhan Dowd แล้ว Patrick Ness นำมาแต่งต่อกำเนิดเป็นิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
A Monster Calls สร้างความรู้สึกแปลกใจให้กับผมมากหลังจากอ่านจบ ความรู้สึกก่อนอ่านและหลังอ่านนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าคุณคิดว่าหนังสือเล่มนี้มันคือ นิยายแฟนตาซีที่มีอสูรกายตัวใหญ่ยักษ์มาโลดแล่นการผจญภัยบนโลกล่ะก็ ผมคงต้องบอกว่า คุณพบกับความผิดหวังเสียแล้วล่ะ
ในครั้งแรกที่ผมหยิบมันขึ้นมาจากชั้นหนังสือ ทอดมองหน้าปกและภาพประกอบเนื้อในที่อัดแน่นมาอย่างเต็มที่ ทำให้ผมก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ผมคิดผิด
โปรยปก
ปีศาจปรากฏตัวหลังเที่ยงคืน...เหมือนกับปีศาจทั่วไป
แต่ปีศาจตนนี้ ไม่ใช่ปีศาจที่คอเนอร์คาดหวัง...มันเป็นปีศาจจากฝันร้ายที่เขาฝันเกือบทุกคืน นับตั้งแต่แม่เข้ารับการักษา...ปีศาจที่มากับความมืด
ปีศาจตนนี้เป็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป อะไรบางอย่างที่เก่าแก่
อะไรบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมันต้องการสิ่งที่อันตรายที่สุด
มันต้องการ "ความจริง"
แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง
A Monster Calls ดำเนินเรื่องโดยเด็กชายที่ชื่อว่า คอเนอร์ โอ' มัลเลย์
คอเนอร์มีลักษณะของเด็กชายอังกฤษแบบทั่วไปที่พบเห็นได้ในสังคมนักเรียนมัธยมคนอังกฤษ เขาเป็นตัวละครที่ไร้การเหลียวแลจากเพื่อนร่วมชั้นและครูอาจารย์ เป็นคนอ่อนแอที่ถูกคนเก่งข่มเหงและรังแก เป็นตัวละครที่เรามักจะพบเห็นได้จากหนังสือหลาย ๆ เรื่อง เขาโทษชีวิตของตัวเองที่เป็นอย่างนี้เพราะเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
การปรากฏตัวของปีศาจนั้นได้สร้างความรู้สึกใหม่ขึ้นมา มันเหมือนถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกของตัวคอเนอร์ออกมาเป็นรูปธรรม ผมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ที่สถานการณ์ของคอเนอร์ภายในเรื่องถูกแปรเปลี่ยนเปรียบเปรยเป็นเรื่องเล่าและนิทาน
นี่ไม่ใช่นิยายที่จะมีปีศาจพาเด็กชายไปโลดแล่นผจญภัย แต่กลับเป็นนิยายที่เด็กชายต้องเผชิญกับความจริงอย่างแสนสาหัส
ผมพบว่า Patrick Ness ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครออกมาได้ดี พฤติกรรมและการกระทำของคอเนอร์ทำให้เราสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของเด็กที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนั้น แม้ว่าจะมีบางจุดที่บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเป็นเพราะอะไร เช่น ทำไมคนทั้งโรงเรียนถึงต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นคอเนอร์กันนะ
ความงดงามที่แสนบีบคั้น
ผมต้องยอมรับอย่างยิ่งยวดว่า ผมไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดและการปฏิบัติของคอเนอร์ต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างสักเท่าใดนัก แต่พออ่านไล่มาจวบจนบทสุดท้าย ผมกลับเข้าใจเขาอย่างประหลาด
ผู้เขียนนำเสนอปีศาจที่น่ากลัวและเลวร้ายที่สุด
ปีศาจตนนั้นไม่ใช่ปีศาจต้นยูตัวสูงหลายสิบฟุต แต่เป็นปีศาจที่ชื่อว่า "ความจริง"
ผมจำต้องยอมรับโดยสดุดีว่า ความจริง เป็นสิ่งที่หลายคนพยายามหลีกเลี่ยงและปกปิด ใครหลายคนมักยอมรับความจริงไม่ได้ และเลือกที่จะพูดปลอบขวัญตัวเองด้วยคำโกหก
แต่ทว่า ถ้าเราสามารถยอมรับความจริงได้ สิ่งนั้นกลับเป็นวิธีปฏิบัติต่อโลกแวดล้อมเราที่งดงามที่สุด
สิ่งที่คอเนอร์ต้องเผชิญนั้นจริงใจและเสแสร้งในเวลาเดียวกัน ภายใต้สถานการณ์ที่เขาต้องทำใจไม่อาจยอมรับว่า "แม่ของเขากำลังจะตาย" นั้น เป็นความจริงที่ปวดรวดร้าว และบีบคั้นหัวใจที่สุด
ผมคิดว่า นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว