[Review]Mystery School โรงเรียนนี้ที่ฉันตาย – อาหารจานเนื้อที่ถูกปรุงด้วยเครื่องเทศแห่งความกลัว
top of page

[Review]Mystery School โรงเรียนนี้ที่ฉันตาย – อาหารจานเนื้อที่ถูกปรุงด้วยเครื่องเทศแห่งความกลัว


**เนื้อหาต่อไปนี้อาจจะมีการสปอยเล็กน้อย**

โดยส่วนตัวนั้น ผมไม่ค่อยได้อ่านนิยายสยองขวัญหรือระทึกขวัญมากสักเท่าไหร่ จึงทำให้หนังสือเล่มที่ผมกำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นหนึ่งในนิยายสยองขวัญที่รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ หนังสือเรื่องนี้มีชื่อว่า “Mystery School โรงเรียนนี้ที่ฉันตาย” แต่งโดยนักเขียนเจ้าของนามปากกา ‘ปลายฝน’ จากสำนักพิมพ์ออลเวย์


เริ่มแรกก่อนเปิดอ่านรู้สึกคาดหวังไว้สูงมากเพราะคำโฆษณาที่ปะบนหน้าปกว่า นิยายระทึกขวัญรางวัลลำดับแรกYoung Thai Artist Award 2014 ซึ่งนั่นหมายความว่า มันจะต้องเป็นนิยายที่ดีแน่นอน และมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง

อาหารจานเนื้อที่ถูกปรุงด้วยเครื่องเทศแห่งความกลัว

มันคงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินไปนัก เพราะสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้จากหนังสือเล่มนี้คือความกลัว ผมรู้สึกได้ตั้งแต่ตัวอักษรตัวแรก จากย่อหน้าที่หนึ่งถึงบรรทัดสุดท้าย การดำเนินเรื่องเป็นไปเรื่อยๆ แต่ไม่น่าเบื่อ ผู้เขียนชงบรรยากาศลงไปแทบจะทุกหน้าที่เปิด นับตั้งแต่การที่พ่อของจอมขวัญโทรมาบอกข่าวการตายของอาแทน


ถึงกระนั้น เรื่องนี้ค่อนข้างจะมีวิธีการดำเนินเรื่องบางมุมที่แปลก นั่นคือการตัดสลับเหตุการณ์ไปมาต่างช่วงเวลา ซึ่งทำให้บางช่วงบางตอนรู้สึกประหลาด กล่าวคือ ผมยังคงรู้สึกอ่านสนุก บรรยากาศควากลัวยังคงไม่ขาดหายไป แต่มันทำให้รู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่อ่านแล้วมันไม่ต่อเนื่องมากเท่าที่ควร โดยเฉพาะสองบทสุดท้ายที่เหมือนเป็นการเฉลยปมทุกอย่าง เหมือนการนำเหตุการณ์ทั้งเล่มมาสรุปรวมกันในรูปแบบการบรรยายเนื้อหาเพิ่มเติม (ที่ไม่ได้กล่าวเอาไว้ในช่วงแรก) ทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอะไร ทำไมดวงพลอยต้องฆ่าลุงสิน หรือเรื่องที่ไม่มีใครจำเด็กชายบรรจงได้


แต่ความสนุกของเรื่องนี้ก็มีจุดที่ผมขัดใจเป็นส่วนตัว (กล่าวคือ ไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหรือเนื้อหา) เป็นเรื่องของการบรรยายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ฉากที่ดวงพลอยถูกข่มขืนบนพื้นดาดฟ้าที่ร้อนแสบผิว เข้าใจว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่ามันทุกข์ทรมาน แต่เด็กวัยรุ่นชายสี่คนนั่นก็ตากแดดร้อนเหมือนกัน การทำเรื่องอย่างนั้นตรงนั้นคงไม่น่าหรรษาสักเท่าไหร่นัก –หรือต่อมาการบรรยายเรื่องสภาพศพของดวงพลอย ผมมักจะนึกภาพวิญญาณตามสภาพการตายของศพ แต่พอบรรยายว่า “ใบหน้าบวมอืด” มันทำให้ผมนึกถึงคนจมน้ำตายมากกว่า เพราะศพที่ตายมานานแล้ว ร่างกายจะเริ่มแข็งตัวก่อนจะอ่อนนุ่มและเซลล์จะค่อยๆ สลายตัว ไม่ใช่บวมอืดอย่างแน่นอน


เย็นย่ำค่ำสนธยา สิ้นแสงรพีส่องหล้า…


นี่เป็นเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลงโรงเรียนสมัยมัธยมของผม ซึ่งผมนึกถึงมันเมื่ออ่านนิยายเล่มนี้

ดูเหมือนว่าพอถึงช่วงที่มีเรื่องของแดนสนธยาเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ทำให้นิยายเรื่องนี้แลดูน่าตื่นเต้นขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว การใช้เรื่องราวของแดนสนทธยา ผู้เขียนสามารถจับจุดได้ถูกต้องและดูเหมือนจะมีการรีเสิร์ชค้นหามาเป็นอย่างดี


กฎหมายไม่ยุติธรรม แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ


ในตอนท้ายเรื่องมีการนำเรื่องราวของกฎแห่งกรรมมาเล่นด้วย ซึ่งผมไม่แน่ใจนักว่าผู้เขียนนำแนวความคิดนี้มาใช้เช่นไร เพราะการที่คนรุ่นพ่อสร้างกรรมไว้ แต่รุ่นลูกเป็นผู้รับกรรมก็ฟังดูน่าขัดใจไม่ใช่น้อย (กรรมไม่ใช่มรดกตกทอด) หรือบริบทของตัวเรื่องดูแล้วเป็นการตั้งใจแก้แค้นล้างแค้นเสียมากกว่าที่จะเป็นเพราะกรรมตามสนอง


ถึงกระนั้นพอคิดว่านี่คือการแก้แค้นแล้วล่ะก็ ผมก็ต้องขอนับถือในความอดทนของผีดวงพลอยไม่น้อย เมื่อเธอเฝ้ารอเวลามากว่า 30-40 ปีสำหรับการล้างแค้น รอให้เด็กผู้ชายที่ข่มขืนเธอมีลูก แล้วใช้ลูกฆ่าพ่อ เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าผีดวงพลอยโกรธแค้นขนาดนั้น ทำไม 30-40 ปีที่ผ่านมาถึงไม่เห็นทำอะไรเลยล่ะ หรือเป็นเพราะทุกคนเรียนจบต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละที่อย่างนั้นหรือ? (ก็ไม่น่าใช่ เพราะเห็นผีดวงพลอยไปได้ทุกที่)



เมื่อย้อนกลับไปอ่านประวัติและที่มาของผลงาน คุณปลายฝนถือได้ว่าเป็นนักเขียนมือรางวัลรุ่นใหม่ฝีมือไม่ธรรมดา ผมพบว่านี่นิยายระทึกขวัญเล่มแรกของปลายฝน แต่กลับทำได้ขนาดนี้ ทำให้อดนึกชื่นชมไม่ได้ คิดไปคิดมา ถ้าหากนิยายเรื่องนี้ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ก็คงจะสนุกไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ถือได้ว่าเป็นหนังสือที่คุ้มค่าค้มราคากับเม็ดเงินที่เสียไปครับ


ปล.ต้องขอบคุณ สำนักพิมพ์ออลเวย์สำหรับรูปเล่มสวยๆ ตั้งแต่หน้าปกยันเนื้อใน เป็นหนึ่งในหนังสือนิยายที่มีรูปเล่มดีที่สุด ลงทุนที่สุดบนชั้นหนังสือของผมเลนครับ

bottom of page