ก้าวที่ 10 ของ Let's Comic ท่ามกลางวิกฤตวงการนิตยสารไทย
top of page

ก้าวที่ 10 ของ Let's Comic ท่ามกลางวิกฤตวงการนิตยสารไทย

ในช่วงปี ต้นปีถึงกลางปี 2559 ที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงเวลาที่น่าใจหายสำหรับใครหลาย ๆ คนในวงการนักเขียน และเป็นช่วงเวลาที่แทบจะเรียกได้ว่าจุดต่ำสุดอันเป็นวิกฤตของวงการนิตยสารไทยแล้ว โดยภายในระยะเวลาดังกล่าว มีนิตยสารหลายหัวพากันทยอยปิดตัวลงเป็นอันมาก โดยเฉพาะนิตยสารที่อยู่คู่ฟ้าเมืองไทยมานานอย่าง "สกุลไทย" ที่มีอายุยาวนานถึง 60 ปีก็ไม่รอด เมื่อย้อนกลับไปดูปีก่อนหน้าก็มีนิตยสารแนวหน้ามากมายไม่ว่าจะเป็น พลอยแกมเพชร, IMAGE หรือ Seventeen

ถัดมาในด้านของนิตยสารการ์ตูนกันบ้าง เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว นิตยสารมังงะแปลไทยขวัญใจวัยรุ่นอย่าง Boom ได้ปิดตัวลงก็เรียกว่าน่าใจหายแล้ว แต่เมื่อเดือนที่แล้วก็ถึงคราวสิ้นสุดของนิตยสารมังงะอีกหัว อย่าง C-Kid ก็ถือเป็นการปิดฉากนิตยสารมังงะญี่ปุ่นแปลไทยรายสัปดาห์ในสยามประเทศโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ก็ยังมีนิตสาร Twilight นิตยสารการ์ตูนสัญชาติไทยสไตล์ Horror ก็แบกรับต้นทุนกับเขาไม่ไหวจนต้องประกาศปิดตัวไปตาม ๆ กัน

ถึงกระนั้น ก็ยังเหลือนิตยสารอีกหัวหนึ่ง ซึ่งผมหวังว่าจะยืนหยัดต่อไปได้ และไม่ปิดตัวลงอย่างคนอื่นเขา

นิตยสารหัวนั้น ก็คือ "Let's Comic" นั่นเอง

สำหรับผมแล้ว Let's Comic เป็นนิตยสารการ์ตูนที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์มากมายเลยทีเดียว ทั้งยังมีงานนักเขียนนักวาดขวัญใจผมอย่าง เดอะ ดวง และทรงศีล ทิวสมบุญ มาลงงานให้เห็นในนิตสารหัวนี้อยู่บ้าน และเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสพูดคุยและสัมภาษณ์กับหัวเรือของ Let's อย่างคุณธัญลักษณ์ เตชศรีสุธี หรือที่หลายคนรู้จักในนาม บก.ซัน นั่นเอง

Let's นั้นเพิ่งจะฉลองครบรอบ 9 ปีด้วย Let's Comic ฉบับ 9th Anniversary ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ซึ่งเป็นการเดินทางผ่านทศวรรษแรกที่ค่อนข้างยาวนานไม่น้อย

ท่ามกลางวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้น เราได้มีการพูดถึงทิศทางของ Let's กันอยู่บ้าง และผมค้นพบความน่าสนใจหลายอย่างที่แฟน Let's หลายคนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

INTERVIEW

คำถามที่ 1

Paper Yard: "คิดยังไงกับกระแสความตกต่ำของวงการหนังสือปีนี้ โดยเฉพาะนิตยสาร ที่ปีนี้ปีเดียวมีปิดหัวกันไปมาก โดยเฉพาะหัวใหญ่ๆ ที่อยู่คู่คนไทย 2. Let's มีวิธีการปรับตัวอย่างไร อย่างนิตยสารการ์ตูนไทยอีกหัวคือ Twilight ก็อยู่ไม่ไหว ต้องปิดตัวลงไปอย่างจำยอม แม้แต่มังงะอย่าง C-Kid ก็เช่นกัน"

บก.ซัน : "ถ้าบอกตามตรงก็กลัวเหมือนกันครับ (หัวเราะ) กลัวว่ากระแสจะยิ่งทำให้ร้านหนังสือทยอยถอดใจกับการขายหนังสือกันมากขึ้นด้วย ซึ่งเอาจริงๆ ผมคิดว่าทุกอย่างมันก็ต้องมีขึ้นมีลงเป็นธรรมชาติอ่ะนะไม่ใช่แค่เฉพาะวงการหนังสือหรอก แต่อาจเพราะหนังสือมีความเป็นสื่อ มันก็เลยยิ่งทำให้สื่อถึงผลกระทบต่อตัวมันให้เป็นกระแสได้มากขึ้น ยังไงเราต้องเตรียมรับมือความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้ได้อยู่แล้ว ยิ่งในยุคนี้ที่จะเปลี่ยนนั่นนี่บ่อยขึ้นด้วย ส่วนคิดยังไงกับการที่หนังสือหัวใหญ่ปิดไป

"โดยส่วนตัวผมอาจไม่มองว่าเป็นเรื่องของการขายหรือตลาดอย่างเดียว แต่มองว่าอาจเพราะคนรุ่นใหม่ที่จะลงไปต่อมันหายากมากขึ้นด้วย อาจเพราะความอิ่มตัวของคนที่เคยทำรวมเข้าไปด้วยอีกส่วนนึง ลึกๆ ผมเชื่อว่าคนเราถ้าอยากทำต่อจริงๆ มันก้จะหาช่องทางปรับเปลี่ยนไปทำได้อยู่ดีนั่นแหละครับ อาจเป็นเรื่องของการเปลี่ยนผ่านวัยและยุคสมัยด้วยครับผม"

คำถามที่ 2

Paper Yard : "Let's มีวิธีการปรับตัวอย่างไรครับ อย่างนิตยสารการ์ตูนไทยอีกหัวคือ Twilight ก็อยู่ไม่ไหว ต้องปิดตัวลงไปอย่างจำยอม แม้แต่มังงะอย่าง C-Kid ก็เช่นกัน"

บก.ซัน : "เอาจริงๆ ผมคิดว่า Let's นับว่ามีการปรับค่อนข้างถี่มากนะครับ ราวๆ 1 ปี หรือ 2 ปีครั้ง ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งต้นปีนี้ก็ปรับอีกครับ (หัวเราะ) แต่อาจด้วยเราไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่ใหญ่มากด้วยก็เลยปรับนั่นนี่ได้ง่ายหน่อย รวมไปถึงได้รับผลกระทบจากตลาดที่ผันผวนได้น้อยกว่าด้วย ก็เลยอาจจะชิลๆ กว่า

"ส่วนวิธีการปรับ ผมเองก็ใช้แนวคิดที่ง่ายๆ ครับ คิดว่าคนอ่านจะเบื่อเรารึยัง เราจะทำอะไรใหม่ๆ ไปให้เขาสนุกดีหว่า ซึ่งถ้าถามว่ามั่นใจมั้ยว่าจะสำเร็จ ก็ไม่มั่นใจหรอกครับ แต่มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็เป็นการปรับเปลี่ยนที่น่าสนใจและน่าสนุกอ่ะนะ "

คำถามที่ 3

Paper Yard : คิดว่าคนยังเสพการ์ตูนไทยอยู่หรือไม่. แม้แต่มังงะญี่ปุ่นคนยังหันไปอ่านในเน็ต หรือเลือกอ่านการ์ตูนฟรีอย่าง webtoon

บก.ซัน : "ผมเชื่อว่าคนยังเสพการ์ตูนนะ แต่ความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ครับ หลายคนที่ผมรู้จักไม่ใช่ว่าเขาชอบอ่านในคอมพ์ แต่แค่ขี้เกียจเดินไปร้านการ์ตูน อยากอยู่บ้านชิลๆ นั่งอ่านมากกว่าไรงี้ ตรงจุดนี้เป้นสิ่งที่เราต้องยอมรับว่าสู้ยากๆ การจัดหาช่องทางการจำหน่ายที่ง่ายและสะดวกสบายขึ้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เรากำลังมุ่งที่จะทำอยู่ครับ เพราะผมเชื่อว่าความสบายในที่นี้รวมไปถึงความสบายใจด้วย อ่านเว็บเถื่อนสบายกายก็จริงแต่ถ้ามีของแท้มันก็ได้ความสบายใจด้วยอ่ะนะ แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่คิดงี้นะ (หัวเราะ)

"ส่วนเว็บตูน อันนี้ผมเองบอกตามตรงว่าไม่ค่อยได้ศึกษาและติดตามเท่าไหร่ครับ อาจด้วยการที่เป็นคนค่อนข้างชอบเนื้อหาหนักๆ ก็เลยอาจต้องปรับตัวนิดนึงถ้าจะลงไปดูทางนี้ครับผม "

คำถามที่ 4

Paper Yard : เนื่องในโอกาสครบรอบ 9 ปี คิดว่า Let's จะก้าวเดินต่อไปในทิศทางไหน. และมีอะไรอยากฝากแฟนนักอ่านชาวไทยครับ มีโครงการอะไรใหม่ๆที่จะทำหรือไหมครับ

บก.ซัน : ก็เดี๋ยวจะมีแถลงการณ์เกี่ยวกับปีหน้า ลงในแชนแนลของเราเหมือนเช่นทุกปีครับ ซึ่งบอกคร่าวๆ ได้ว่า เราจะมีการปรับเปลี่ยน เนื้อหาของ Let's Comic ฉบับรายสามเดือนกันแบบจริงจังอีกครั้งครับ จะไม่ใช่หนังสือการ์ตูนฉบับคอนเซปต่างๆ เหมือนที่ทำมาในช่วง 2 ปีหลังนี้แล้วครับผม ส่วนอื่นๆ ก็คิดว่าปีหน้าอยากจะลองเปิดโอกาสร่วมงานกับนักวาดและเพจต่างๆ มากขึ้น ใครมีหนังสือหรือโปรเจ็คอะไรอยากทำขายงานหนังสือก็มาคุยกันได้ครับ

"เนื่องในโอกาสที่ Let's เริ่มเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว เดินกันมานานแล้ว ระหว่างทางก็ต้องหาอะไรใหม่ๆ มาให้ทั้งตัวเองและคนอ่านไม่เบื่อกันครับ แถมเส้นทางก็ดูจะคดเคี้ยวขึ้นด้วยก็คงต้องระวังหน้าระวังหลังให้ดี คอยตื่นตัวรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ละก้าวย่างก็ต้องทำอย่างสุขุมมากขึ้นด้วย

"ก็ขอขอบคุณแฟนๆ ผู้อ่านที่ร่วมก้าวมาด้วยกัน อาจมีก้าวช้าบ้างเร็วบ้าง สะดุดบ้าง แต่ถึงยังไงก็เดินไปด้วยกันต่อนะครับ ผมเชื่อว่าทางเส้นนี้อาจดูทุกลักทุเลพอสมควร แต่ก็ยังมีอะไรสนุกๆ มีสิ่งที่น่าสนใจ รอให้เราได้พบระหว่างทางกันอีกมากมายครับ เดินกันต่อเลยดีกว่าครับผม"

 

นอกจากนี้ บก.ซัน ยังฝากบอกมาอีกด้วยว่า ในช่วงกลาง-ปลายปีหน้า Let's จะมีตึกสำนักงาน(และอาจมีช๊อปกับคาเฟ่) เป็นของตัวเองแล้ว ซึ่งสามารถแวะไปเยี่ยมกันได้ โดยออฟฟิศจะอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 1 ทำให้ผมอดที่จะตื่นเต้นตามไม่ได้ เพราะมันทำให้ผมนึกถึงหน้าตาออฟฟิศของโชเน็น จั๊มป์ ที่ปรากฏบนหน้ากระดาษมังงะเรื่อง บาคุแมน

ก็หวังว่า นักอ่านไทย จะร่วมด้วยช่วยกันอุดหนุนงานไทยและของลิขสิทธิ์แท้กันนะครับ

bottom of page